วันศุกร์ที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2553

Share

Devil

Devil

Devil


Devil ปีศาจ (UIP)

กำหนดฉาย : 30 กันยายน 2553
นำแสดง : คริส เมสซิน่า, โลแกน มาร์แชลล์-กรีน, เจฟฟรีย์ อาเรนด์, โบจาน่า โนวาโกวิค, เจนนี่ โอฮาร่า, โบคีม วู้ดไบน์, เจค็อบ วาร์กัส
ผู้คิดสร้างสรรค์เรื่อง/ ผู้อำนวยการสร้าง : เอ็ม ไนท์ ชยามาลาน
กำกับ : จอห์น เอริค ดาวเดิล
เว็บไซต์ทางการภาพยนตร์


คน แปลกหน้าห้าคนในฟิลาเดลเฟียเริ่มต้นชีวิตในวันนั้นด้วยการใช้ชีวิตตามปกติ อย่างที่สุด พวกเขาเดินเข้าไปในอาคารสำนักงานและก้าวเข้าไปในลิฟต์ เมื่อพวกเขาเข้ามาอยู่ด้วยกันในที่แคบ ๆ นี้ พวกเขาถูกบีบให้ต้องร่วมแบ่งปันพื้นที่คับแคบกับคนแปลกหน้า ไม่มีใครสนใจใคร พวกเขาแค่มาอยู่ด้วยกันชั่วครู่ แต่เหตุการณ์ที่ดูเหมือนจะเป็นเพียงเหตุบังเอิญ กลับไม่ใช่ความบังเอิญเมื่อลิฟต์เกิดติด โชค ชะตากำลังส่งเสียงเรียกร้อง วันนี้คนแปลกหน้าทั้งห้าคนมีความลับที่ต้องถูกเปิดเผย และพวกเขาต้องเผชิญหน้ากับการคิดหาหนทางฝ่าออกไปให้ได้

สถานการณ์ของพวกเขาค่อย ๆ เปลี่ยนจากความน่ารำคาญไปเป็นสถานการณ์หมดหวังโดยสิ้นเชิงและเกิดความหวาด กลัวจนน่าสังเวช เริ่มมีเรื่องน่ากลัวเกิดขึ้นกับพวกเขาแต่ละคน ทีละคน จนพวกเขาหวาดระแวงกันและกันว่าใครในห้าคนนี้เป็นคนก่อให้เกิดเหตุการณ์ทั้ง หมดขึ้น...จนกระทั่งพวกเขาสำนึกได้ถึงความจริงที่ไม่จำเป็นต้องพูดออกมาว่า หนึ่งในพวกเขาคือซาตานตัวจริงเสียงจริง

ขณะที่ผู้คน ที่อยู่ด้านนอกพยายามจะช่วยพวกเขาให้เป็นอิสระอย่างไม่เป็นผลนัก คนในลิฟต์ที่ยังเหลืออยู่ รู้ตัวดีว่าหนทางเดียวที่พวกเขาจะรอดชีวิตออกไปได้ ก็คือการเผชิญหน้ากับความชั่วร้ายที่นำพวกเขาเดินหน้ามาจนถึงวันนี้

Devil คือผลงานเรื่องแรกในกลุ่มเรื่องเขย่าขวัญสั่นประสาทชุด The Night Chronicles ซึ่งเป็นจินตนาการจากมันสมองของ เอ็ม ไนท์ ชยามาลาน (The Sixth Sense, Signs) บัดนี้เขาได้เปลี่ยนมันให้กลายมาเป็นภาพยนตร์จากฝีมือของผู้กำกับที่กำลังมาแรง ขณะที่ทีมผู้เขียนบทและผู้กำกับที่มีพรสวรรค์เหล่านี้ได้มอบชีวิตให้กับ เรื่องราวจากมันสมองของชยามาลาน เขาได้ร่วมมือร่วมใจกับผู้สร้างภาพยนตร์เก่ง ๆ เหล่านี้สรรหาวิธีการใหม่ๆ เพื่อทำให้คนดูขนหัวลุกในภาพยนตร์ชุด The Night Chronicles นี้

Devil กำกับโดย จอห์น เอริค ดาวเดิล (Quarantine, The Poughkeepsie Tapes) จากบทภาพยนตร์ที่เป็นฝีมือการเขียนบทของ ไบรอัน เนลสัน (Hard Candy, 30 Days of Night) และเรื่องราวที่กลั่นจากจินตนาการของชยามาลาน ที่ทำหน้าที่นำทีมนักแสดงของภาพยนตร์ทริลเลอร์เรื่องนี้ ก็คือ คริส เมสซิน่า (Julie & Julia, Vicky Cristina Barcelona), โลแกน มาร์แชลล์-กรีน (Brooklyn’s Finest, Across the Universe), เจฟฟรีย์ อาเรนด์ ((500) Days of Summer, ผลงานทางทีวีเรื่อง Trust Me), โบจาน่า โนวาโกวิค (Drag Me to Hell, Edge of Darkness), เจนนี่ โอฮาร่า (Mystic River, Matchstick Men), โบคีม วู้ดไบน์ (The Last Sentinel, Three Bullets) และ เจค็อบ วาร์กัส (Death Race, Jarhead)

Devil อำนวยการสร้างโดยชยามาลาน และแซม เมอร์เซอร์ (Signs, Unbreakable) โดยมีดรูว์ ดาวเดิล (Quarantine, The Poughkeepsie Tapes) และทริช ฮอฟแมนน์ (The Ruins, The New World) ทำหน้าที่ผู้อำนวยการสร้างบริหาร ทีมงานหลังกล้องที่ประสบความสำเร็จของภาพยนตร์เรื่องนี้ ได้แก่ ผู้กำกับภาพ ทัก ฟูจิโมโต้ (The Sixth Sense, The Silence of the Lambs), โปรดักชั่น ดีไซเนอร์ มาร์ติน วีสต์ (Cloverfield, Smokin’ Aces), ผู้ลำดับภาพ เอลเลียต กรีนเบิร์ก (Quarantine, Sorority Row), ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย เอริน บีแนช (Half Nelson, Sugar) และผู้แต่งดนตรีประกอบ เฟอร์นันโด เวลาซเควซ (The Orphanage, Shiver)





Devil

Devil

Devil

Devil

Devil

Devil

Devil

Devil

Devil

Devil

Devil

Devil

หนังเรื่องนี้สนุกมาก


ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก

http://movie.kapook.com/view16661.html


ชาราโปวา หมั้นแฟนหนุ่มนักบาส NBA

Share

มาเรีย ชาราโปวา

มาเรีย ชาราโปวา

มาเรีย ชาราโปวา

มาเรีย ชาราโปวา


อึ้ง! ชาราโปวา หมั้นแฟนหนุ่มนักบาส NBA (ไอเอ็นเอ็น)

หนุ่ม ๆ ฝันค้าง "นางฟ้า" มาเรีย ชาราโปวา สาวสวยวงการเทนนิส รับหมั้นแฟนหนุ่ม ซาซา วูยาซิซ นักยัดห่วงชาวสโลวีเนีย ของ แอลเอ เลกเกอร์ส แล้ว

ซาซา วูยาซิช นักยัดห่วงชาวสโลวีเนีย ของ แอลเอ เลกเกอร์ส เปิดเผยก่อนที่จะลงแข่งขันนัดอุ่นเครื่องกับ โกลเด้น สเตท วอร์ริเออร์ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาว่า ได้หมั้นกับ มาเรีย ชาราโปวา นักเทนนิสสาวสวย อดีตแชมป์วิมเบิลดันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ยังไม่ได้กำหนดวันแต่งงานที่ชัดเจน หลังจากเริ่มคบหาเป็นแฟนกันเมื่อช่วงกลางปีก่อน หลังจาก มาเรีย เลิกรากับ ชาร์ลี เอ็บเบอร์โซล ลูกเศรษฐีเจ้าของสถานีกีฬา เอ็นบีซี สปอร์ต


ซาซา วูยาซิซ

ซาซา วูยาซิซ

ขณะที่ มาเรีย ก็ได้มีการยืนยันว่า ได้หมั้นแล้ว ตามคำกล่าวของ วูยาซิช ด้วยเช่นกัน แต่ไม่ได้เปิดเผยถึง กำหนดแต่งงานแต่อย่างใด



ขอขอบคุณภาพประกอบจาก wikipedia , mariasharapova.com

มิสทีนไทยแลนด์2010

Share
น้องฮาน่า คว้ามงกุฎ มิสทีนไทยแลนด์2010<
น้องฮาน่า มิสทีนไทยแลนด์2010

น้องฮาน่า มิสทีนไทยแลนด์2010


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก missteenthailand.com

น้องฮาน่า สาวลูกครึ่งอังกฤษวัย 18 คว้ามงกุฎมิสทีนไทยแลนด์2010 ไปครอง

เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม ที่ชั้น 5 ได้มีการประกวดรอบตัดสิน "มิสทีน ไทยแลนด์ 2010 บาย ซูซูกิ เจลาโต้" ปีที่ 22 ภายใต้คอนเซ็ปต์ "Diamond in the Sky" สวย สง่า มีบุคลิกภาพที่โดดเด่น และกล้าแสดงออกอย่างเหมาะสม เพื่อผลักดันให้กลายเป็นเพชรที่เจิดจรัสอยู่บนท้องฟ้า ณ ห้องบางกอกคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล ลาดพร้าว โดยมีบุคคลในวงการบันเทิงมาร่วมงานอย่างคับคั่ง พร้อมทั้งรุ่นพี่มิสทีนไทยแลนด์ เช่น "ไอซ์-อธิชนัน ศรีเสวก" มิสทีน ไทยแลนด์ 2005, "มิน-พีชญา วัฒนามนตรี" รองอันดับ 1 มิสทีน ไทยแลนด์ 2006, "หญิง-พลอยปภัสร ธนันต์ชัยกานต์" มิสทีน ไทยแลนด์ 2007 ฯลฯ

โดยจาก 50 สาววัยใสที่ผ่านเข้ามายังรอบสุดท้าย ได้ถูกคัดเลือกให้เหลือ 15 คน ซึ่งได้ออกมาเดินโชว์ความสวย และความน่ารักด้วยชุดราตรี จากนั้น พิธีกรคือ "เชียร์-ฑิฆัมพร ฤทธิ์ธาอภินันท์" มิสทีน ไทยแลนด์ 2002 และ "เติ้ล-ตะวัน จารุจินดา" ได้ประกาศรายชื่อผู้ผ่านเข้ารอบ 5 คนสุดท้าย ได้แก่ หมายเลข 4 "น้องโย" ปราณวรินทร์ ปามี ,หมายเลข 9 "น้องพลอย" จุฑามาศ มันตะสัมพะ ,หมายเลข39 "น้องมิ้นท์" วันทนีย์ ฟักแก้ว ,หมายเลข43 "น้องฮาน่า" ฮาน่า สีวิส ,หมายเลข45 "น้องมายด์" กัญฐณา หล่อเจนจิรานนท์ พร้อมกับตอบคำถามจากคณะกรรมการ จากนั้นเป็นการอำลาตำแหน่งของ "แคท-เซฟฟานี่ อะวานิค" มิสทีนไทยแลนด์ 2009

เมื่อเวลาระทึกใจมาถึง ปรากฎว่า ผู้ที่ได้รับตำแหน่ง มิสทีนไทยแลนด์2010 ไปครองพร้อมตำแหน่ง มิส ซูซูกิ เจลาโต้ คือ หมายเลข43 "น้องฮาน่า" ฮาน่า สีวิส สาวลูกครึ่งไทยอังกฤษ อายุ 18 ปี กำลังศึกษาอยู่ชั้น ปวช.ปี3 วิบูลย์บริหารธุรกิจ โดยก่อนหน้านี้ น้องฮาน่า ได้รับรางวัล Miss i-mobile Popular Vote ไปครองแล้ว 1 รางวัล

น้องพลอย รองอันดับ 1 มิสทีนไทยแลนด์2010

น้องพลอย รองอันดับ 1 มิสทีนไทยแลนด์2010

ขณะที่รองอันดับ 1 มิสทีนไทยแลนด์2010 ตกเป็นของ หมายเลข 9 "น้องพลอย" จุฑามาศ มันตะสัมพะ สาววัย 17 ปี นักเรียนชั้น ม.6 โรงเรียนเรยีนาเชลีวิทยา จ.เชียงใหม่ ที่คว้ารางวัล Miss Healthy by AIA ไปได้แล้วก่อนหน้า

ส่วนรองอันดับ 2 มิสทีนไทยแลนด์2010 คือ หมายเลข 4 "น้องโย" ปราณวรินทร์ ปามี อายุ 18 ปี เรียนอยู่ชั้นปีที่ 1 นานาชาติแสตมฟอร์ด กรุงเทพ , หมายเลข39 "น้องมิ้นท์" วันทนีย์ ฟักแก้ว สาวเชียงใหม่วัย 17 ปี เรียนอยู่ชั้น ม.6 โรงเรียนพระหฤทัย จ.เชียงใหม่ ซึ่งก่อนหน้านี้คว้ารางวัล "ขวัญใจช่างภาพสื่อมวลชน" ไปครองมาแล้ว และ หมายเลข 45 "น้องมายด์" กัญฐณา หล่อเจนจิรานนท์ อายุ 16 ปี ศึกษาอยู่ที่โรงเรียนวชิรธรรมสาธิตกรุงเทพ

โดยน้องฮาน่า มิสทีนไทยแลนด์2010 เผยว่า รู้สึกตื่นเต้นและดีใจมาก และไม่คิดว่าตนเองจะได้ครองตำแหน่ง มิสทีนไทยแลนด์2010 เพราะเพื่อน ๆ สวยกันทุกคน เชื่อว่าที่ได้ตำแหน่ง มิสทีนไทยแลนด์2010 เพราะรอยยิ้มและความร่าเริง


น้องโย รองอันดับ 2 มิสทีนไทยแลนด์2010

น้องโย รองอันดับ 2 มิสทีนไทยแลนด์2010

น้องมิ้นท์ รองอันดับ 2 มิสทีนไทยแลนด์2010

น้องมิ้นท์ รองอันดับ 2 มิสทีนไทยแลนด์2010

น้องมายด์ รองอันดับ 2 มิสทีนไทยแลนด์2010

น้องมายด์ รองอันดับ 2 มิสทีนไทยแลนด์2010


http://women.kapook.com/view18127.html
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก


วันอังคารที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2553

สงขลา เมืองใหญ่สองทะเล เสน่ห์สะพานป๋า

Share
สงขลา

สะพานติณสูลานนท์

หาดสมิหลา

สงขลา (ททท.)

คำขวัญ...นกน้ำเพลินตา สมิหลาเพลินใจ เมืองใหญ่สองทะเล เสน่ห์สะพานป๋า ศูนย์การค้าแดนใต้

จังหวัดสงขลา เป็น จังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทย เป็นเมืองท่าและเมืองชายทะเลที่สำคัญแห่งหนึ่งของภูมิภาคมาตั้งแต่สมัยโบราณ และเป็นเมืองที่มีอารยธรรมเจริญรุ่งเรืองมาเป็นเวลานานหลายศตวรรษ จึงมีแหล่งโบราณสถานและโบราณวัตถุมากมาย อีกทั้งยังมีมรดกทางวัฒนธรรมที่สืบทอดกันมารุ่นสู่รุ่นจากบรรพบุรุษดั้งเดิม ทั้งขนบธรรมเนียม ประเพณี ภาษา และการละเล่นพื้นเมืองต่าง ๆ ที่น่าสนใจและน่าศึกษามากมาย

นอก จากนี้สงขลายังมีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ทั้งชายทะเล ทะเลสาบ ป่าไม้ น้ำตก และมีทรัพยากรธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ ทั้งบนบกและในน้ำ มีอำเภอหาดใหญ่เป็นศูนย์กลางการค้าและการคมนาคม เป็นที่ตั้งของสนามบินนานาชาติแห่งสำคัญของภูมิภาคและของประเทศ จึงทำให้มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยเฉพาะชาวมาเลเซีย มาเยี่ยมเยือนและท่องเที่ยวเป็นจำนวนมากในแต่ละปี

จังหวัดสงขลา มีเนื้อที่ประมาณ 7,393 ตารางกิโลเมตร หรือ 4,620,625 ไร่ เป็นจังหวัดที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 26 ของประเทศ ลักษณะพื้นที่ทางทิศเหนือของจังหวัดส่วนใหญ่เป็นที่ราบลุ่ม ทางทิศตะวันออกเป็นที่ราบริมทะเล ส่วนทางทิศใต้และทิศตะวันตกเป็นเขตภูเขาและที่ราบสูง โดยมีเทือกเขาสันกาลาคีรีเป็นพรมแดนธรรมชาติกั้นระหว่างสงขลาและรัฐเคดาห์ สหพันธรัฐมาเลเซีย

เมืองสงขลานี้เดิมมีชื่อที่คนไทยใช้เรียกกันว่า "เมืองสทิง" สันนิษฐานว่าชื่อเมือง "สงขลา" น่าจะเพี้ยนมาจากคำว่า "สิงหลา" ที่แปลว่าเมืองสิงห์ อันเป็นชื่อที่พ่อค้าชาวเปอร์เซียอินเดียใช้เรียกกันในอดีต เนื่องจากได้แล่นเรือผ่านเข้ามาในทะเลสาบสงขลา เห็นเกาะหนู-เกาะแมวจากระยะไกล ๆ มีลักษณะคล้ายสิงห์ 2 ตัวหมอบเฝ้าปากทางเข้าเมือง จึงตั้งชื่อเมืองตามนั้น หรืออีกข้อสันนิษฐานหนึ่งกล่าวว่า คำว่า "สงขลา" นั้นมาจากคำว่า "สิงขร" ที่แปลว่า "ภูเขา" เนื่องจากเมืองสงขลาในยุคดั้งเดิมตั้งอยู่เชิงเขา เมื่อพ่อค้าชาวมลายูเดินทางเข้ามาค้าขาย ได้ออกเสียงเพี้ยนเป็น "เซ็งคอรา" และต่อมาเมื่อชาวตะวันตกเข้ามา ก็ออกเสียงชื่อเมืองเพี้ยนเป็น "ซิงกอรา" (Singora) จากนั้นจึงค่อย ๆ เพี้ยนเป็นคำว่า "สงขลา" ดังปัจจุบัน

มัสยิดกลาง สงขลา

เมืองสงขลาเป็นชุมชนขนาดใหญ่มาตั้งแต่ในอดีต ตัวเมืองเดิมตั้งอยู่ริมชายฝั่งทะเลสาบสงขลา ในบริเวณที่เป็นอำเภอสทิงพระในปัจจุบัน เป็นศูนย์กลางการปกครองของดินแดนรอบ ๆ ทะเลสาบสงขลา ในช่วงระหว่างพุทธศตวรรษที่ 12–19 มีรูปแบบวัฒนธรรมแบบศรีวิชัย มีการขุดคลองเชื่อมต่อระหว่างตัวเมืองกับทะเลสาบสงขลาและอ่าวไทย และทำการติดต่อค้าขายกับพ่อค้าชาวจีนในสมัยราชวงศ์ถัง (ประมาณ พ.ศ. 1201–1450)

ต่อ มาอาณาจักรศรีวิชัยได้เริ่มเสื่อมอำนาจลงเพราะการ รุกรานจากชนชาติต่าง ๆ ทั้งพวกโจฬะ จากอาณาจักรตันเชอร์ทางภาคใต้ของอินเดีย พวกโจรสลัดมาเลย์ และชาวมุสลิมมลายู ที่อพยพมาจากหมู่เกาะต่าง ๆ ในประเทศอินโดนีเซีย โดยมีประเทศอังกฤษสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง ชุมชนเมืองสทิงพระเก่าก็ได้อพยพโยกย้ายไปตั้งรกรากอยู่ในหลายพื้นที่ของดิน แดนแถบนี้ เกิดเป็นเมืองต่าง ๆ เปลี่ยนแปลงไปเรื่อย ๆ ตลอดระยะเวลาหลายร้อยปี

ใน สมัยสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 แห่งกรุงศรีอยุธยา เมืองสงขลาเป็นหนึ่งในเมืองประเทศราชจำนวน 16 หัวเมือง และในสมัยกรุงธนบุรี เมืองสงขลาเริ่มมีบทบาทสำคัญขึ้นอีกครั้ง เนื่องจากการค้ากับประเทศจีนเจริญขึ้น มีคนจีนอพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานในเมืองสงขลาเป็นจำนวนมาก ต่อมาสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงแต่งตั้งหัวหน้าคนจีนขึ้นเป็นเจ้าเมือง

เมือง สงขลาจึงถูกปกครองโดยเจ้าเมืองในตระกูล ณ สงขลา ติดต่อกันมาเป็นเวลานานถึง 126 ปี เจ้าเมืองชาวจีนเหล่านี้ได้วางพื้นฐานความเจริญด้านต่าง ๆ และพัฒนาเมืองสงขลาจากที่เป็นเมืองบริวารเล็ก ๆ ของนครศรีธรรมราช เจริญเติบโตจนกระทั่งกลายเป็นเมืองศูนย์การค้าขนาดใหญ่ และเป็นที่ตั้งที่ว่าการมณฑลนครศรีธรรมราชระหว่างปี พ.ศ. 2439–2476 ทำการค้าขายกับกรุงเทพมหานคร สิงคโปร์ และเมืองอื่นๆ อย่างเจริญรุ่งเรือง และมีการก่อสร้างศิลปวัตถุและศาสนสถานไว้มากมายบริเวณสองฝั่งปากทะเลสาบ สงขลา

แหลมสมิหลา

สถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาด

แหลมสมิหลา

อยู่ในเขตเทศบาลเมือง ห่างจากตลาดทรัพย์สิน (ตลาดสดเทศบาล) ประมาณ 2.5 กิโลเมตร มีหาดทรายขาวสะอาด ทิวสนร่มรื่น รูปปั้นนางเงือกอันเป็นสัญลักษณ์ของจังหวัดสงขลา และรูปปั้นหนูแมว โดยรอบบริเวณได้จัดสวนหย่อมไว้ดูร่มรื่นเหมาะเป็นที่นั่งพักผ่อนยามเย็น

เมี่อมองออกไปในทะเลจะเห็น เกาะหนูเกาะแมว อันเป็นอีกสัญลักษณ์หนึ่งของแหลมสมิหลา ที่มีเรื่องเล่าต่อกันมาว่า มีพ่อค้าชาวจีนผู้หนึ่งคุมเรือสำเภาเดินทางมาค้าขายระหว่างจีนกับสงขลา เป็นประจำ วันหนึ่งพ่อค้าผู้นี้ได้ซื้อหมากับแมวลงเรือไปเมืองจีนด้วย หมากับแมวอยู่บนเรือนานๆเกิดความเบื่อหน่ายจึงปรึกษาหาวิธีการที่จะกลับบ้าน หมากับแมวได้ทราบว่าพ่อค้ามีดวงแก้ววิเศษที่ทำให้ไม่จมน้ำ แมวจึงคิดอุบายโดยให้หนูไปขโมยแก้ววิเศษของพ่อค้ามา และหนูขอหนีขึ้นฝั่งไปด้วย ทั้งสามว่ายน้ำหนีลงจากเรือโดยที่หนูอมดวงแก้วเอาไว้ในปาก

ขณะนั้นหนูนึกขึ้นได้ว่าถ้าถึงฝั่ง หมากับแมวคงจะแย่งเอาดวงแก้วไปจึงคิดที่จะหนี ฝ่ายแมวซึ่งว่ายตามหลังมาก็คิดเช่นกัน จึงว่ายน้ำรี่ไปหาหนู หนูตกใจว่ายน้ำหนีไม่ทันระวังตัว ดวงแก้ววิเศษที่อมไว้จึงตกลงจมหายไปในน้ำ หนูและแมวต่างก็หมดแรงจมน้ำตายกลายเป็นเกาะหนูเกาะแมวอยู่ที่อ่าวหน้าเมือง ส่วนหมาตะเกียกตะกายว่ายน้ำไปจนถึงฝั่งและสิ้นใจตายด้วยความเหน็ดเหนื่อย กลายเป็นหินบริเวณเขาตังกวนอยู่ริมอ่าวสงขลา ดวงแก้ววิเศษที่หล่นจากปากหนูแตกละเอียดกลายเป็นหาดทรายแก้วอยู่ทางด้าน เหนือของแหลมสน

การเดินทาง จากอำเภอหาดใหญ่สามารถใช้บริการรถประจำทางสายหาดใหญ่-สงขลา แต่หากอยู่ในอำเภอเมืองก็มีรถสองแถวบริการไปชายหาด

หมายเหตุ สิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับคนพิการและผู้สูงอายุ ทางลาด มีขนาดความกว้างค่อนข้างมาก วัสดุพื้นเรียบ และความชันเหมาะสม มีทางเดินลัดเลาะริมชายหาดเป็นทางยาว พื้นผิวทำจากวัสดุไม่ลื่น ไม่มีสิ่งกีดขวาง และพื้นค่อนข้างเรียบ รถ Wheel Chair สามารถเข้าถึงได้ แต่บางจุดพื้นผิวมีระดับ และบริเวณชายหาดรถ Wheel Chair เข้าถึงยาก

สวนสัตว์สงขลา

เป็นสวนสัตว์เปิดริมถนนสงขลา-จะนะ ตำบลเขารูปช้าง อำเภอเมือง มีเนื้อที่ 911 ไร่ มีวัตถุประสงค์เพื่ออนุรักษ์และขยายพันธุ์สัตว์ป่าของไทยคืนสู่ธรรมชาติ พื้นที่เป็นภูเขาเล็ก ๆ หลายลูก มีถนนลาดยางโดยรอบและแยกชนิดสัตว์ไว้เป็นหมวดหมู่ มีสัตว์มากมายหลายชนิด ทั้งที่มีถิ่นกำเนิดในประเทศและต่างประเทศ เช่น อูฐ นกชนิดต่างๆ วัวแดง เสือ จระเข้ ฯลฯ นอกเหนือจากสัตว์ป่าชนิดต่าง ๆ อันควรค่าแก่การศึกษา

สวนสัตว์สงขลายังมีจุดเด่นที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดคือ จุดชมวิวซึ่งสามารถมองเห็นทัศนียภาพของเมืองสงขลา บริเวณนั้นมีร้านอาหารไว้คอยบริการนักท่องเที่ยว เปิดให้เข้าชมทุกวัน ระหว่างเวลา 08.30-17.00 น. ค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 30 บาท เด็ก 10 บาท สอบถามรายละเอียดได้ที่ โทร. 0 7433 6038-40 หรือดูเว็บไซต์ www.zoothailand.org

ทะเลสาบสงขลา

ทะเลสาบสงขลา

เป็นทะเลสาบธรรมชาติแห่งเดียวในประเทศไทย มีความยาวจากปากน้ำไปทางทิศเหนือประมาณ 80 กิโลเมตร ส่วนที่กว้างที่สุดประมาณ 20-25 กิโลเมตร ทะเลสาบสงขลาเป็นทะเลสาบน้ำจืด แต่จะกร่อยในช่วงที่ติดกับทะเล ตรงปากอ่าวในทะเลสาบมีเกาะอยู่หลายเกาะ ที่สำคัญได้แก่ เกาะใหญ่ เกาะสี่ เกาะห้า เกาะแก้ว เกาะหมาก เกาะราย และเกาะยอ นักท่องเที่ยวที่อยากจะเช่าเรือเที่ยวตามเกาะต่าง ๆ สามารถเช่าเรือได้บริเวณแหลมสนอ่อน

สะพานติณสูลานนท์

เป็นส่วนหนึ่งของทางหลวงหมายเลข 4146 เชื่อมระหว่างทางหลวงหมายเลข 407 สายหาดใหญ่-สงขลา กับทางหลวงหมายเลข 4083 สายสงขลา-ระโนด โดยเป็นสะพานข้ามทะเลสาบสงขลาจากฝั่งบ้านน้ำกระจายผ่านเกาะยอ ไปฝั่งเขาเขียว เพื่ออำนวยความสะดวกในการคมนาคมให้มีความสะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้นโดยไม่ต้องรอ ข้ามแพขนานยนต์ บริเวณฝั่งหัวเขาแดง

สะพานแบ่งเป็น 2 ช่วง ช่วงแรก เชื่อมระหว่างชายฝั่งอำเภอเมือง สงขลา บริเวณบ้านน้ำกระจาย กับชายฝั่งตอนใต้ของเกาะยอ ความยาวรวมเชิงสะพานทั้งสองด้าน ประมาณ 1,140 เมตร ช่วงที่ 2 เชื่อมระหว่างฝั่งด้านเหนือของเกาะยอกับฝั่งบ้านเขาเขียว ความยาวทั้งสิ้นประมาณ 1,800 เมตร สะพานนี้เริ่มก่อสร้างเมื่อ 26 มีนาคม 2527 และทำพิธีเปิดเมื่อวันที่ 25 กันยายน 2529

เกาะยอ

เกาะยอ

เป็นเกาะเล็ก ๆ ในทะเลสาบสงขลา เดินทางโดยข้ามสะพานติณสูลานนท์ ไปตามเส้นทาง จากตัวเมืองใช้ทางหลวงหมายเลข 407 และเลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวง 4083 ทางไปอำเภอสิงหนคร เกาะยอมีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 9,275 ไร่ พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นไหล่เขาและที่ราบตามเชิงเขา เหมาะแก่การเกษตรกรรม บนเกาะยอมีการทำสวนผลไม้แบบสุมรุม หมายถึงผลไม้จะผลัดกันให้ผลผลิตตลอดปี เช่น ส้มโอ มะพร้าว ขนุน ผลไม้ที่มีชื่อของเกาะยอคือ จำปาดะ ลักษณะคล้ายขนุนแต่ลูกเล็กกว่า สามารถนำไปทอดเหมือนกล้วยแขก หรือจะกินสดก็ได้ และผ้าทอเกาะยอ เป็นผ้าพื้นเมืองที่มีชื่อเสียงและได้รับความนิยมจากผู้นิยมสวมใส่ผ้าไทย มีลายที่เป็นเอกลักษณ์ เช่น ลายราชวัตถ์ ดอกพิกุล ดอกพะยอม เนื้อผ้าดูแลรักษาง่าย นอกจากนั้นเกาะยอยังเป็นแหล่งเลี้ยงปลากะพงขาวในกระชังในทะเลสาบสงขลาอีกด้วย

สิ่งที่เชิดหน้าชูตาเกาะยอมากอีกอย่างก็คือ สถาบันทักษิณคดีศึกษา ซึ่งได้รวบรวมและจัดแสดงศิลปวัตถุและโบราณวัตถุ รวมทั้งวิถีชีวิตของชาวใต้ไว้เป็นหมวดหมู่ ทั้งหมดอยู่ภายใน พิพิธภัณฑ์คติชนวิทยา สถาบันทักษิณฯ ยังมีหอชมวิวไว้ให้ชมทิวทัศน์สวยๆ ของเกาะยอและทะเลสาบสงขลา แล้วยังมีที่พักไว้บริการอีกด้วย

หมายเหตุ สิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับคนพิการและผู้สูงอายุ ไม่มีที่จอดรถเฉพาะ แต่จอดได้หน้าร้านขายของ บริเวณไหล่ทางติดร้านค้า ซึ่งมีพื้นที่กว้างมากพอสำหรับ Wheel Chair พิ้นผิวไม่ลื่น เรียบและกว้าง อยู่ในระดับเดียวกับพื้นภายนอก

พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสงขลา

ตั้งอยู่ที่ถนนวิเชียรชม เป็นสถาปัตยกรรมแบบจีน อายุกว่า 100 ปี เดิมเป็นบ้านพักส่วนตัวของพระยาสุนทรานุรักษ์ (เนตร ณ สงขลา) ผู้ช่วยราชการเมืองสงขลา สร้างเมื่อ พ.ศ. 2421 จนกระทั่งปี พ.ศ. 2437 จึงใช้เป็นที่พำนักและว่าราชการของพระวิจิตรวรศาสตร์ ข้าหลวงพิเศษตรวจราชการเมืองสงขลา ซึ่งต่อมาก็คือเจ้าพระยายมราช (ปั้น สุขุม) หลังจากนั้นใช้เป็นศาลาว่าการมณฑลนครศรีธรรมราชและเป็นศาลากลางจังหวัดจน ถึงปี พ.ศ. 2496

ในปี พ.ศ. 2516 กรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนอาคารนี้เป็นโบราณสถานและปรับปรุงเป็น พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ และเปิดอย่างเป็นทางการเมื่อ พ.ศ. 2525 ภายในพิพิธภัณฑ์จัดแสดงศิลปวัตถุภาคใต้ตอนล่าง และเป็นแหล่งศึกษาหาความรู้ทางด้านโบราณคดี ประวัติศาสตร์ศิลปะ ชาติพันธุ์วิทยา ศิลปะจีน ศิลปะพื้นบ้านพื้นเมือง อาทิ บานประตูไม้เดิมของจวน เป็นศิลปะพุทธศตวรรษที่ 24 ทำด้วยไม้จำหลักเขียนสีและประดับมุกฝีมือช่างชาวจีนชั้นครู แสดงออกถึงคตินิยมในธรรมเนียมประเพณี วรรณคดี ศาสนาตามแบบจีนที่วิจิตรงดงามยังความสมบูรณ์อยู่มาก โบราณวัตถุสมัยก่อนประวัติศาสตร์แหล่งโบราณคดีจากบ้านเชียง และกาญจนบุรี

ทั้งนี้ เปิดให้เข้าชมวันพุธ-วันอาทิตย์ เวลา 09.00-12.00 น. และ 13.00-16.00 น. อัตราค่าเข้าชม คือ ชาวไทย 10 บาท ชาวต่างประเทศ 30 บาท สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 0 7431 1728

สถาบันทักษิณคดีศึกษา

ตั้งอยู่หมู่ที่ 1 บ้านอ่าวทราย ตำบลเกาะยอ บริเวณใกล้เชิงสะพานติณสูลานนท์ช่วงที่ 2 สถาบันตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2521 เพื่อศึกษาเกี่ยวกับศิลปวัฒนธรรมของภาคใต้ มีพื้นที่ทั้งหมด 23 ไร่ ลักษณะของอาคารเป็นสถาปัตยกรรมแบบภาคใต้ แบ่งออกเป็น 4 อาคาร โดยแต่ละอาคารจะแบ่งออกเป็นห้อง ๆ แสดงเกี่ยวกับประวัติศาสตร์และชาติพันธุ์ โบราณวัตถุที่เกิดจากภูมิปัญญาของคนในท้องถิ่น เครื่องประดับศาตราวุธที่ใช้กันในภาคใต้ เช่น กริช มีดชายธง มีดหางไก่ แสดงผ้าทอพื้นเมือง เช่น ผ้าทอพุมเรียง ผ้าทอปัตตานี ห้องแสดงกระต่ายขูดมะพร้าวรูปทรงต่าง ๆ ที่มีรูปแบบหาชมได้ยาก ห้องแสดงการละเล่นพื้นเมือง เช่น หนังตะลุง โนรา ลิเกป่า ห้องแสดงวิถีชีวิตชาวใต้ เช่น การแสดงการละเล่นและของเล่นเด็ก เช่น การเล่นซัดราว การเล่นว่าว ลูกข่าง ห้องแสดงประเพณีการบวช ห้องแสดงการรักษาพยาบาลแบบโบราณ

สถาบันมีห้องพักไว้บริการนักท่องเที่ยว ห้องสัมมนา และร้านขายสินค้าพื้นเมือง เช่น หัตถกรรมกระจูด หัตถกรรมปาหนัน หัตถกรรมย่านลิเพา ผ้าทอเกาะยอ ผลิตภัณฑ์จากเปลือกหอย ผลิตภัณฑ์จากกะลามะพร้าว เครื่องเงิน เป็นต้น สถาบันได้รับรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยว จากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ประเภทแหล่งท่องเที่ยวดีเด่นทางวัฒนธรรม และโบราณสถาน ปี 2543 จากจุดชมวิวของสถาบันสามารถมองเห็นทัศนียภาพที่สวยงามของทะเลสาบสงขลา เปิดให้ผู้สนใจเข้าชมทุกวัน ระหว่างเวลา 8.30-17.00 น. ค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 30 บาท เด็ก 10 บาท ชาวต่างประเทศ 60 บาท เด็ก 30 บาท สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 0 7433 1184-9

การเดินทาง อยู่ห่างจากตัวเมืองสงขลาประมาณ 18 กิโลเมตร ตามทางหลวงสายลพบุรีราเมศวร์ และเลี้ยวซ้ายที่สี่แยกบ้านน้ำกระจาย ไปตามทางหลวงสาย 4146 ทางไปเกาะยอ ใกล้สะพานติณสูลานนท์ ช่วง 2 หรือนั่งรถโดยสารประจำทางจากหอนาฬิกาในตัวเมือง ลงที่สี่แยกบ้านน้ำกระจาย และต่อรถมอเตอร์ไซด์

พิพิธภัณฑ์พธำมรงค์ (พะธำมะรง)

ตั้งอยู่ที่ถนนจะนะใกล้กับพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สงขลา ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งบ้านพักเดิมของรองอำมาตย์โทขุนวินิจทัณฑกรรม (บึ้ง ติณสูลานนท์) บิดาของ ฯพณฯ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ พิพิธภัณฑ์ฯ เป็นสถาปัตยกรรมแบบเรือนไทยที่สร้างขึ้นเพื่อจำลองสถานที่เกิดของ ฯพณฯ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ อดีตนายกรัฐมนตรีและรัฐบุรุษ ซึ่งเป็นชาวจังหวัดสงขลา

จากคำบอกเล่าความทรงจำในอดีตสมัยที่บิดาของท่านดำรงตำแหน่งพัสดีเรือนจำ สงขลา "พะทำมะรง" เป็นตำแหน่งเก่าของข้าราชการกรมราชทัณฑ์ ที่มีมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานีควบคู่กับตำแหน่ง พัสดีปรากฎหลักฐานอยู่ในกฎหมายตราสามดวง และอัยการลักษณะต่าง ๆ ตำแหน่งพะทำมะรงได้ใช้ติดต่อกันมาตลอดจนได้มีการประกาศใช้พระราชบัญญัติราช ทัณฑ์ พ.ศ. 2479 ตำแหน่งพะทำมะรงจึงได้ถูกยกเลิกไป พิพิธภัณฑ์ฯ เปิดให้เข้าชมทุกวันเว้นวันจันทร์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 08.30-16.00 น.

นี่ เป็นเพียงสถานที่ท่องเที่ยวเพียงเล็กน้อยเท่านั้น จริง ๆ แล้วจังหวัดสงขลายังมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกเพียบ! แต่จะมากและสวยขนาดไหน ต้องมาสัมผัสด้วยตัวเองนะจ๊ะ

สงขลา

ทิปส์


ตลาดน้ำคลองแห มีทุกวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ ตั้งแต่เวลาเย็นถึงกลางคืน

การเดินทาง

สงขลาอยู่ห่างจากกรุงเทพฯ ประมาณ 950 กิโลเมตร นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางสู่จังหวัดสงขลาได้หลายวิธี ทั้งทางรถยนต์ส่วนตัว รถประจำทาง รถไฟ และเครื่องบิน

โดยรถไฟ : การ รถไฟแห่งประเทศไทยมีบริการรถไฟออกจากสถานีรถไฟกรุงเทพ (หัวลำโพง) ไปยังอำเภอหาดใหญ่ทุกวัน ทั้งรถธรรมดา รถเร็ว รถด่วน และรถด่วนพิเศษ สอบถามรายละเอียดได้ที่การรถไฟแห่งประเทศไทย โทร. 1690 สถานีรถไฟหาดใหญ่ โทร. 0 7424 3705 หรือ www.railway.co.th

โดยรถยนต์ : จากกรุงเทพฯ ใช้ทางหลวงหมายเลข 35 (ถนนพระราม 2 หรือถนนธนบุรี-ปากท่อ) ผ่านจังหวัดสมุทรสาคร สมุทรสงคราม อำเภอปากท่อ แล้วแยกซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 4 (ถนนเพชรเกษม) ผ่านจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ จนถึงชุมพร แล้วใช้ทางหลวงหมายเลข 41 ผ่านจังหวัดสุราษฎร์ธานี อำเภอทุ่งสง จนถึงจังหวัดพัทลุง บรรจบกับทางหลวงหมายเลข 4 อีกครั้ง แล้วขับต่อไปจนถึงอำเภอหาดใหญ่ และจังหวัดสงขลา รวมระยะทางประมาณ 950 กิโลเมตร

โดยรถประจำทาง : มีรถโดยสารปรับอากาศของบริษัท ขนส่ง จำกัด และของเอกชน สายกรุงเทพฯ-สงขลา และกรุงเทพฯ-หาดใหญ่ ออกจากสถานีขนส่งสายใต้ ถนนบรมราชชนนี ทุกวัน วันละหลายเที่ยว ใช้เวลาเดินทางประมาณ 12 ชั่วโมง สอบถามรายละเอียดได้ที่บริษัท ขนส่ง จำกัด โทร.1490 www.transport.co.th ปัจจุบัน บริษัท ขนส่ง จำกัด ได้เปิดให้บริการจองตั๋วรถโดยสารออนไลน์แล้ว ติดต่อได้ที่ www.thaiticketmajor.com นอกจากนี้ยังสามารถซื้อตั๋วออนไลน์ได้ที่ไทยรูท ดอทคอม www.thairoute.com

โดยเครื่องบิน : จังหวัด สงขลามีสนามบินนานาชาติอยู่ที่อำเภอหาดใหญ่ การบินไทย นกแอร์ ไทยแอร์เอเชีย และวัน ทู โก มีเที่ยวบินไป-กลับ กรุงเทพฯ-หาดใหญ่ ทุกวัน สอบถามข้อมูลการเดินทาง ตารางเที่ยวบิน และสำรองที่นั่งได้ที่ การบินไทย โทร. 0 2356 1111 www.thaiairways.co.th นกแอร์ โทร. 1318 www.nokair.com ไทยแอร์เอเชีย โทร. 0 2515 9999 www.airasia.com

การ เดินทางภายในสงขลา ในตัวจังหวัดสงขลามีรถชนิดต่าง ๆ ให้บริการ นักท่องเที่ยวสามารถเลือกใช้บริการยานพาหนะต่าง ๆ ได้หลายรูปแบบตามความเหมาะสม และรถสองแถว มีวิ่งบริการจากสถานีขนส่งไปยังที่ต่าง ๆ ในตัวเมือง นักท่องเที่ยวอาจเหมารถสองแถวไปเที่ยวได้ทั้งในเมืองและต่างอำเภอ คิดราคาวันละ 1,000-2,000 บาท ขึ้นอยู่กับระยะทางและการต่อรอง ส่วนรถสามล้อเครื่องและมอเตอร์ไซค์รับจ้าง จอดอยู่ตามจุดต่างๆ ในจังหวัด เช่น หน้าตลาดเทศบาล หน้าสถานีขนส่ง ค่าบริการมีทั้งแบบตกลงกันตามแต่ระยะทางและแบบเหมาจ่าย

แต่ หากลงรถประจำทาง รถไฟ หรือเครื่องบิน ที่หาดใหญ่แล้ว สามารถเดินทางเข้าตัวเมืองสงขลาทางโดยรถยนต์ได้ 2 เส้นทาง คือ ถนนกาญจนวนิชและถนนลพบุรีราเมศร์ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 20 นาที และมีรถโดยสารประจำทางและรถโดยสารรับจ้างจากในตลาดหาดใหญ่วิ่งเข้าตัวเมือง สงขลาตลอดทั้งวัน

http://travel.kapook.com/view17550.html

เตือน! วางโน้ตบุ๊กบนตักเสี่ยงมะเร็ง

Share

คอมพิวเตอร์ โน๊ตบุ๊ค



เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

ปัจจุบัน แล็ปท็อป หรือ โน้ตบุ๊ก กลายเป็นอุปกรณ์สุดไฮเทค ที่จำเป็นสำหรับวัยรุ่นหรือหนุ่มสาววัยทำงานหลายคนไปซะแล้ว นับตั้งแต่คอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ตเข้ามามีบทบาทกับเรา ๆ ไปซะทุกด้าน และโน้ตบุ๊กก็ดูเหมือนจะเป็นคอมพิวเตอร์ที่แสนฮิตฮอตซะเหลือเกิน เพราะมันสามารถพกพาไปไหนได้สบาย

และด้วยความสะดวกสบาย พกพาง่ายของมันนี่แหละ ทำให้เจ้าโน้ตบุ๊กสามารถเล่นได้ทุกที่ทุกเวลา แม้จะไม่มีโต๊ะให้วาง ก็วางบนตักของตัวเองได้อย่างง่าย ๆ พอ ๆ กับที่มันก็ทำให้เกิดอาการปวดแสบปวดร้อนขึ้นมาได้อย่างง่าย ๆ อีกเช่นกัน

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าการเล่นโน้ตบุ๊กบนตักนั้น ทำให้คนเจ็บป่วยกับมันได้จริง ๆ เหมือนกับกรณีของเด็กชายวัย 12 ปีชาวอเมริกัน ที่ติดนิสัยชอบเล่นโน้ตบุ๊กไว้บนตัก แล้วอยู่กับมันวันละ 2-3 ชั่วโมง ปรากฏว่า 2 เดือนให้หลัง ผิวของเด็กก็ไหม้และด่างโดยไม่รู้ตัวเลยทีเดียว

นอกจากนี้ ยังมีผู้ใช้โน้ตบุ๊กอีกกว่า 10 ราย รายงานเข้ามาตั้งแต่ปี ค.ศ. 2007 ว่าความร้อนจากโน้ตบุ๊ก ทำให้ผิวไหม้และทำให้ผิวด่างเช่นเดียวกันกับกรณีดังกล่าว ขณะที่ทางทีมแพทย์เชื่อว่า คงจะมีผู้ที่ได้รับอันตรายจากความร้อนใต้โน้ตบุ๊กมากกว่านั้นอย่างแน่นอน

งาน นี้ บรรดาแพทย์ชาวอเมริกันก็เลยออกมาเตือนว่า ความร้อนที่ระบายออกมาบริเวณใต้โน๊ตบุ๊คนั้น ทำให้ผิวไหม้และหากติดนิสัยเล่นโน้ตบุ๊กบนตักนาน ๆ ก็จะทำให้เป็นมะเร็งบริเวณหัวเข่าหรือต้นขาได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงฤดูหนาวที่กำลังจะมาถึงในไม่ช้านี้ ที่หลายคนชอบเอาโน้ตบุ๊กวางบนตักซะเหลือเกิน เพราะมันทำให้รู้สึกอุ่นขึ้นได้ โดยไม่คำนึงถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้น แพทย์จึงแนะนำให้ผู้ที่ชอบวางโน้ตบุ๊กไว้บนตัก เปลี่ยนพฤติกรรมตัวเองเสียตั้งแต่บัดนี้ ขณะที่ทางด้านบริษัทผู้ผลิตคอมพิวเตอร์อย่างแอปเปิ้ล และเดลล์ ก็เคยเตือนผู้ใช้ว่าอย่าวางโน้ตบุ๊กไว้บนตักเช่นกัน ทั้งนี้ ก็เพียงแค่อยากให้ผู้ใช้ได้ตระหนักถึงอันตรายระยะยาว ซึ่งอาจจะทำให้เกิดมะเร็งได้ในอนาคต

http://health.kapook.com/view17564.html

วันเสาร์ที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2553

บ้านชินประชา

Share
บ้านชินประชา

บ้านเก่าแก่ สไตล์ชิโน-โปรตุกีส ซึ่งสร้างขึ้นเป็นแห่งแรกของเกาะภูเก็ต มีอายุกว่า 100 ปี ตั้งอยู่ที่ถนนกระบี่ ตำบลตลาดเหนือ ในตัวเมืองภูเก็ต เป็นบ้านของตระกูล ตัณฑวณิช ผู้เป็นเจ้าของได้อนุรักษ์ตัวอาคารและเครื่องเรือนเครื่องใช้ต่างๆ ในบ้านไว้เป็นอย่างดี โดยมีความมุ่งหวังให้สถานที่แห่งนี้เป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีชีวิต ซึ่งเป็นสถานที่แห่งหนึ่งที่แสดงถึงประวัติศาสตร์ความเป็นมาของภูเก็ตผ่าน การใช้ชีวิตของผู้คนชาวภูเก็ต ในช่วง 100 ปีที่ผ่านมา

ลักษณะที่โดดเด่นของบ้าน คือ เป็นบ้านสองชั้น ประตูบ้านลงรักปิดทอง มีอักษรจีน มีหน้าต่างไม้หลายบานซึ่งในบานหน้าต่างทำเป็นบานเกล็ดเปิดปิดได้ เมื่อเข้ามาในบ้านจะเย็นสบายอากาศถ่ายเทสะดวก เนื่องจากตรงกลางบ้านเปิดโล่งเพื่อระบายอากาศ และมีสระน้ำเล็ก ๆ อยู่กลางบ้าน พื้นกระเบื้องจากอิตาลี บันไดไม้มีลวดลายสวยงามมาก เครื่องเรือนส่วนใหญ่เป็นไม้ฝังมุกนำมาจากเมืองจีน มีเครื่องใช้ เครื่องครัวโบราณ ภาพถ่าย ภาพวาดในอดีตที่สวยงามและน่าสนใจ

บ้านชินประชาเปิดให้เข้าชมทุกวัน ค่าเข้าชมคนละ 100 บาท สอบถามรายละเอียด โทร. 0 7621 1167, 0 7621 1281



ความเป็นมาของบ้านชินประชา

บ้านชินประชาสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2466 (ค.ศ.1903) หรือในปลายรัชสมัยรัชกาลที่ 5 โดยพระพิทักษ์ชินประชา (ตันม่าเสียง) บิดาของท่านคือ หลวงบำรุงจีนประเทศ (ตันเนียวยี่) เป็นชาวฮกเกี้ยนที่รับราชการทหารในประเทศจีน ต่อมาบิดาท่านได้เดินทางมายังประเทศไทยในปี พ.ศ. 2397 (ค.ศ. 1854) หรือในปลายรัชสมัยรัชกาลที่ 4 ได้ประกอบกิจการทำเหมืองแร่ดีบุกที่เกาะภูเก็ต และกิจการค้าขายที่เกาะปีนัง

พระพิทักษ์ชินประชา (ตันม่าเสียง) ผู้สร้างบ้านหลังนี้ ถือกำเนิดที่เกาะภูเก็ตในปี พ.ศ. 2426 (ค.ศ.1883) เมื่ออายุได้ 20 ปี ท่านได้สร้างบ้านหลังนี้ตามแบบ ชิโน-โปรตุกีส เป็นหลังแรกของจังหวัดภูเก็ต หรือที่เรียกว่า อังม่อเหลา เฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่เป็นมรดกตกทอดจากบรรพบุรุษเมืองจีน วัสดุส่วนอื่นของบ้านนั้นส่วนใหญ่นำเข้ามาจากต่างประเทศ เนื่องจากการค้าขายทางเรือผ่านเกาะปีนังมายังภูเก็ต ในสมัยนั้นเฟื่องฟู เช่น รั้วบ้านจากฮอลแลนด์ กระเบื้องปูพื้นจากอิตาลี ฯลฯ ปัจจุบันบ้านชินประชามีอายุกว่า 100 ปี และมีลูกหลาน นับเนื่องเป็นรุ่นที่ 6 แล้ว

ขอขอบคุณข้อมูลจาก

บ้านชินประชา Jun 09

บ้านเก่าแก่ สไตล์ชิโน-โปรตุกีส ซึ่งสร้างขึ้นเป็นแห่งแรกของเกาะภูเก็ต มีอายุกว่า 100 ปี ตั้งอยู่ที่ถนนกระบี่ ตำบลตลาดเหนือ ในตัวเมืองภูเก็ต เป็นบ้านของตระกูล ตัณฑวณิช ผู้เป็นเจ้าของได้อนุรักษ์ตัวอาคารและเครื่องเรือนเครื่องใช้ต่างๆ ในบ้านไว้เป็นอย่างดี โดยมีความมุ่งหวังให้สถานที่แห่งนี้เป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีชีวิต ซึ่งเป็นสถานที่แห่งหนึ่งที่แสดงถึงประวัติศาสตร์ความเป็นมาของภูเก็ตผ่าน การใช้ชีวิตของผู้คนชาวภูเก็ต ในช่วง 100 ปีที่ผ่านมา

ลักษณะที่โดดเด่นของบ้าน คือ เป็นบ้านสองชั้น ประตูบ้านลงรักปิดทอง มีอักษรจีน มีหน้าต่างไม้หลายบานซึ่งในบานหน้าต่างทำเป็นบานเกล็ดเปิดปิดได้ เมื่อเข้ามาในบ้านจะเย็นสบายอากาศถ่ายเทสะดวก เนื่องจากตรงกลางบ้านเปิดโล่งเพื่อระบายอากาศ และมีสระน้ำเล็ก ๆ อยู่กลางบ้าน พื้นกระเบื้องจากอิตาลี บันไดไม้มีลวดลายสวยงามมาก เครื่องเรือนส่วนใหญ่เป็นไม้ฝังมุกนำมาจากเมืองจีน มีเครื่องใช้ เครื่องครัวโบราณ ภาพถ่าย ภาพวาดในอดีตที่สวยงามและน่าสนใจ

บ้านชินประชาเปิดให้เข้าชมทุกวัน ค่าเข้าชมคนละ 100 บาท สอบถามรายละเอียด โทร. 0 7621 1167, 0 7621 1281



ความเป็นมาของบ้านชินประชา

บ้านชินประชาสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2466 (ค.ศ.1903) หรือในปลายรัชสมัยรัชกาลที่ 5 โดยพระพิทักษ์ชินประชา (ตันม่าเสียง) บิดาของท่านคือ หลวงบำรุงจีนประเทศ (ตันเนียวยี่) เป็นชาวฮกเกี้ยนที่รับราชการทหารในประเทศจีน ต่อมาบิดาท่านได้เดินทางมายังประเทศไทยในปี พ.ศ. 2397 (ค.ศ. 1854) หรือในปลายรัชสมัยรัชกาลที่ 4 ได้ประกอบกิจการทำเหมืองแร่ดีบุกที่เกาะภูเก็ต และกิจการค้าขายที่เกาะปีนัง

พระพิทักษ์ชินประชา (ตันม่าเสียง) ผู้สร้างบ้านหลังนี้ ถือกำเนิดที่เกาะภูเก็ตในปี พ.ศ. 2426 (ค.ศ.1883) เมื่ออายุได้ 20 ปี ท่านได้สร้างบ้านหลังนี้ตามแบบ ชิโน-โปรตุกีส เป็นหลังแรกของจังหวัดภูเก็ต หรือที่เรียกว่า อังม่อเหลา เฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่เป็นมรดกตกทอดจากบรรพบุรุษเมืองจีน วัสดุส่วนอื่นของบ้านนั้นส่วนใหญ่นำเข้ามาจากต่างประเทศ เนื่องจากการค้าขายทางเรือผ่านเกาะปีนังมายังภูเก็ต ในสมัยนั้นเฟื่องฟู เช่น รั้วบ้านจากฮอลแลนด์ กระเบื้องปูพื้นจากอิตาลี ฯลฯ ปัจจุบันบ้านชินประชามีอายุกว่า 100 ปี และมีลูกหลาน นับเนื่องเป็นรุ่นที่ 6 แล้ว

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)

http://phuket.kapook.com/

แหลมพรหมเทพ

Share
แหลมพรหมเทพ

แหลมพรหมเทพ เป็นจุดชมวิวที่สวยงามของภูเก็ต อยู่ห่างจากหาดราไวย์ ประมาณ 2 กิโลเมตร เป็นแหลมที่อยู่ตอนใต้สุดของเกาะภูเก็ต ชาวบ้านเรียกว่าแหลมเจ้า จากริมหน้าผามีแนวต้นตาลลาดลงสู่ปลายแหลมที่เป็นโขดหิน สามารถเดินไปจนถึงปลายแหลมได้ มองเห็นน้ำทะเลสีเขียวมรกต และสามารถเห็นเกาะแก้วอยู่ด้านหน้าแหลม ทางขวาจะเห็นแนวหาดทรายของหาดในหาน แหลมพรหมเทพนับเป็นสถานที่ชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงามมากแห่งหนึ่ง

นอกจากนั้นยังมี “ประภาคารกาญจนาภิเษก แหลมพรหมเทพ” สร้าง ขึ้นในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฉลองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี มีขนาดความกว้างที่ฐาน 9 เมตร สูง 50 ฟุต และแสงไฟจากโคมไฟจะมองเห็นไกลถึง 39 กิโลเมตร ใช้เป็นเครื่องหมายในการเดินเรือเนื่องจากภูเก็ตถือเป็นศูนย์กลางเส้นทาง คมนาคมในทะเลอันดามันที่สำคัญ ภายในประภาคารมีการแสดงนิทรรศการเกี่ยวการสร้างประภาคาร การรักษาเวลามาตรฐาน การคำนวณ และแสดงเวลาดวงอาทิตย์ขึ้นและตก เรือหลวงจำลองพร้อมประวัติเรือแต่ละลำ จากบนยอดของประภาคารยังเป็นจุดชมทิวทัศน์บริเวณแหลมพรหมเทพโดยรอบ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก

ยาวิเศษ

Share

ยาวิเศษ

การออกกำลังกาย เป็นยาวิเศษที่ช่วยทั้งป้องกันหรือรักษาโรคต่าง ๆ ที่อาจก่อให้เกิดความพิการหรือถึงแก่ชีวิตได้ จากสถิติการตายแต่ละปีของคนอเมริกัน 70 เปอร์เซ็นต์ หรือประมาณ 1.5 ล้านคน เสียชีวิตด้วย โรคยอดนิยม 7 อันดับแรก คือ โรคหัวใจ, มะเร็ง, เส้นเลือดในสมองแตก, ความดันโลหิตสูง, ถุงลมปอดพองเรื้อรัง, เบาหวาน และกระดูกผ

โรคอื่น ๆ ที่การออกกำลังกายช่วยได้คือ ภาวะอ้วน, ข้ออักเสบ, โรคซึมเศร้าและไขมันในเลือดสูง โดยจะช่วยป้องกัน การพิการและการเสียชีวิตก่อนวัยอันสมควร

เมื่อเราพูดถึงเรื่อง “ยา” เรามักจะนึกไปถึงยาเม็ดหรือของบางอย่างที่ใช้รับประทานหรือฉีด การออกกำลังกายจะไม่ใช่การที่ร่างกาย “ได้รับ” แต่เป็นการที่ร่างกาย “ทำ” การเขียนใบสั่งให้ออกกำลังกาย ก็เหมือนกับการเขียนใบสั่งยาเช่นกัน อย่างเช่นชนิดของ การออกกำลังกาย ก็เปรียบได้กับประเภทของยา ยาปฏิชีวนะ, ยาแก้แพ้, ยาลดการอักเสบ เป็นต้น ความถี่ของการออกกำลังกายใน 1 วัน ใน 1 อาทิตย์ ก็เหมือนกับการกินยากี่ครั้งต่อวัน ก่อนหรือหลังอาหาร ข้อเสีย, ผลข้างเคียงของการใช้เป็นต้น มีหลักฐานทางการแพทย์มากมาย ที่สนับสนุนการออกกำลังกาย ว่าช่วยในการรักษาและป้องกันโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การออกกำลังกายไม่เพียงแต่มีประโยชน์ต่อโรคบางโรคเท่านั้น การออกกำลังกายยังช่วยให้ร่างกายโดยรวมดีขึ้นอีกด้วย การแข็งตัว ของเลือดดีขึ้น อารมณ์ดีขึ้น ลดความวิตกกังวล บุคลิกดีขึ้น กำลังดีขึ้น ร่างกายแข็งแรง และมีความรู้สึกสบาย (อาจจะเกิดจากการกระตุ้น ให้มีสารเอนดอร์ฟีน ออกมาในเลือดก็ได้) ช่วยให้วิถีชีวิตเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น เช่น นิสัยการบริโภคอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย หยุดการสูบบุหรี่ที่เป็นการบั่นทอนสุขภาพ และกระตุ้นให้เกิดความคิดสร้างสรรค์มากยิ่งขึ้น

ยิ่งไปกว่านั้นการออกกำลังกายยังช่วยให้การทำงานของอวัยวะต่างๆ ของร่างกายดีขึ้น เช่น กล้ามเนื้อ, ข้อต่อ, กระดูก ซึ่งไม่สามารถ หาได้จากการใช้ยา หรือการผ่าตัด แม้ว่าในการรักษาแบบเดิมๆ ในระยะพักฟื้นมักนิยมให้หยุดพักและงดการออกกำลังกายเลยก็ตาม

นักศึกษาแพทย์ใช้เวลาเป็นปีเพื่อเรียนวิชาเกี่ยวกับยาและวิธีการสั่งยา แต่บ่อยครั้งเมื่อเวลาจบมารักษาจริง ๆ ยาเหล่านั้นอาจจะ ไม่ค่อยได้ใช้กันแล้ว นักศึกษาแพทย์ไม่ได้รับการสอนเกี่ยวกับการเขียน “ใบสั่งออกกำลังกาย” ที่เป็นยาวิเศษสำหรับทุก ๆ คน

ลองมาดูประโยชน์ของการออกกำลังกายสำหรับโรคร้ายแรงที่เราพบกันบ่อย ๆ กันบ้าง

โรคหลอดเลือดหัวใจอุดตัน

ซึ่งเป็นสาเหตุตายบ่อยที่สุด ประมาณ 2,000 คน ต่อวันในสหรัฐอเมริกา การออกกำลังกายร่วมกับการควบคุมอาหาร จะช่วยให้การทำงานของหัวใจดีขึ้น ลดปัจจัยเสี่ยงของการเป็นโรคนี้ เช่น ความดันโลหิตสูง, คอเลสเตอรอลสูง และภาวะอ้วน ช่วยให้มีจิตใจและสังคมดีขึ้น และที่สำคัญคือช่วยให้มีชีวิตยืนยาวขึ้น การออกกำลังกายจะช่วยให้ร่างกายกลับมาทำงานได้อย่างเดิมอีก ซึ่งหาไม่ได้จากการใช้ยาหรือการผ่าตัด

ความดันโลหิตสูง

มีหลักฐานที่ยืนยันว่าการออกกำลังกายเป็นการรักษาที่ได้ผลดีที่สุดสำหรับความดันโลหิตสูงในระยะเริ่มแรกหรือสูงปานกลาง และได้ประโยชน์พอควรสำหรับความดันโลหิตสูงมากๆ การออกกำลังกายแบบแอโรบิคจะช่วยลดความดันโลหิตลงได้โดย ที่ไม่ต้องพึ่งยาเลย และยังหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงของการใช้ยาลดความดันเป็นเวลานานอีกด้วย อย่างไรก็ตาม หากหยุดออกกำลังเพียง 2 อาทิตย์ ความดันโลหิตที่ลดลงก็จะกลับไปอย่างเดิม การที่ความดันจะลดได้มากน้อยเพียงใดยังขึ้นอยู่กับชนิดของการออกกำลังกาย ระยะเวลาที่ออกกำลัง ความหนัก แล้วก็การตอบสนองต่อการออกกำลังของแต่ละคนอีกด้วย ดังนั้นการออก ใบสั่งออกกำลัง จึงต้องขึ้น อยู่กับแต่ละคนด้วย การออกกำลังกายเพื่อต้องการลดความดันโลหิตยังได้ผลดีกว่าการลดน้ำหนักตัว หรือการลดปริมาณเครื่องดื่มที่มี แอลกอฮอล์หรือลดปริมาณเกลือที่รับประทาน

เบาหวาน

การออกกำลังกายช่วยป้องกันหรือยืดระยะเวลาการเกิดโรคแทรกซ้อนได้ เช่น โรคของเส้นเลือดในสมอง, หัวใจ, ไต, ตา และ ขา ในคนที่เป็นเบาหวานมักมีความดันโลหิตสูง และปริมาณไขมันในเลือดที่ผิดปกติ การออกกำลังกายจะช่วยเพิ่มการทำงานของ อินซูลินในการเผาผลาญน้ำตาล ทำให้ลดความต้องการการใช้ยาอินซูลินให้น้อยลง ซึ่งทำให้มีโอกาสเป็นโรคของเส้นเลือดน้อยลง หลักการ รักษาเบาหวานคือพยายามรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจและพยายามป้องกันการเกิดโรคแทรกซ้อน การออกกำลัง กาย จะเข้ามาช่วยในส่วนนี้ได้ ทำให้ผู้ป่วยเบาหวานมีสุขภาพดีขึ้นและมีชีวิตยาวขึ้น

ข้ออักเสบ

สำหรับผู้ป่วยรูมาตอยด์หรือข้อเสื่อม การออกกำลังกายช่วยเพิ่มความทนทาน ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ทำให้ข้องอได้ดีขึ้น ทำงานได้มากขึ้น

กระดูกผุ

หญิงที่หมดประจำเดือนแล้ว และชายที่มีอายุมาก ๆ จะมีปัญหาของกระดูกผุ ปริมาณแคลเซี่ยมที่มีอยู่ตามกระดูกจะลดลง ทำให้ระบบกล้ามเนื้อกระดูกอ่อนแอลง เตี้ยลง กระดูกหักง่าย โดยเฉพาะที่หลังและสะโพก หรือยิ่งไปกว่านั้นเดินลำบาก หรือเดินแล้วเจ็บ การออกกำลังกายที่สม่ำเสมอจะช่วยป้องกันและควบคุมโรคนี้ได้

ปริมาณไขมันในเลือดสูง

การออกกำลังกายช่วยลดปริมาณรวมของโคเลสเตอรอล และระดับไตรกลีเซอไรด์ และเพิ่มปริมาณโคเลสเตอรอล ชนิด ความหนาแน่นสูงที่ช่วยป้องกันการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตัน

ภาวะอ้วน

การมีน้ำหนักที่มากเกินไปเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลายโรค เช่น โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง เบาหวาน มะเร็งบางชนิด การออกกำลังกายที่เหมาะสมจะช่วยลดน้ำหนักตัว ร่วมไปกับการควบคุมอาหารด้วย

ภาวะซึมเศร้า

การออกกำลังกายจะช่วยลดความวิตกกังวล ความซึมเศร้า รู้สึกสบายขึ้นจากการหลั่งของเอนดอร์ฟีนออกมา นอกจากนี้ยังพบว่าการที่ให้ผู้ป่วยด้วยโรคซึมเศร้าเดินหรือวิ่งออกกำลังจะดีกว่าการนั่งคุยกับผู้ป่วยเสียอีก

การออกกำลังที่จะช่วยบรรเทาอาการของโรคต่าง ๆ ข้างต้นได้ ต้องออกกำลังอย่างสม่ำเสมออย่างน้อย 4 ครั้งต่อสัปดาห์ เป็นการออกกำลังที่รู้สึกสนุก ไม่เจ็บ หรือเมื่อยล้าเกินไป และต้องชอบการออกกำลังประเภทนั้น ๆ ด้วย การเดินทางไปออกกำลังต้องไม่ไกล ไม่ลำบาก มีค่าใช้จ่ายที่ไม่มากจนเกินไป ส่วนใหญ่เป็นการออกกำลัง แบบแอโรบิค เช่น การเดิน การวิ่งเหยาะๆ การถีบจักรยาน การว่ายน้ำ เลือกออกกำลังซัก 2-3 อย่าง เป็นตัวเลือก อย่าออกกำลังชนิดใดชนิดหนึ่งเพียงอย่างเดียว ระยะเวลาที่ออกกำลังควรทำให้ได้ต่อเนื่องกันอย่างน้อย 30 นาที และพยายามให้ร่างกายมีกิจกรรมในชีวิตประจำวันที่ต้องเคลื่อนไหวอยู่บ่อย ๆ


ดอยแม่ตะมาน

Share

เที่ยวดอยแม่ตะมาน แวะสถานีวิจัยเกษตรที่สูงป่าเกี๊ยะ

ดอยแม่ตะมาน เชียงใหม่

ดอยแม่ตะมาน เชียงใหม่

ดอยแม่ตะมาน เชียงใหม่

ดอยแม่ตะมาน เชียงใหม่

ดอยแม่ตะมาน เชียงใหม่

ดอยแม่ตะมาน เชียงใหม่

ดอยแม่ตะมาน เชียงใหม่

ดอยแม่ตะมาน เชียงใหม่

ดอยแม่ตะมาน เชียงใหม่

ดอยแม่ตะมาน เชียงใหม่

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก คุณ chanchai02 และ สถานีทดลอง : ศูนย์วิจัยและอบรมที่สูง

ปฏิเสธไม่ได้ว่า เชียงใหม่ คือจังหวัดท่องเที่ยวยอดนิยมของนักเดินทาง ที่ต้องการไปสัมผัสธรรมชาติแต่ก็ยังคงรักในแสง สี เสียง เพราะทั้งสองอย่างนี้สามารถอยู่ด้วยกันอย่างกลมกลืนที่นี่ ซึ่งนอกจาก ดอยสุเทพ ดอยอินทนนท์ สวยสัตว์เชียงใหม่ ถนนคนเดิน ฯลฯ เชียงใหม่ ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอีกหลายแห่งที่อยากแนะนำกัน

โดยเฉพาะช่วงปลายฝนต้นหนาวแบบนี้ จะหาสถานที่ท่องเที่ยวใดสุขใจเท่ากับการขึ้นไปชื่มชมความเขียวขจีของขุนเขา สัมผัสสายหมอกบนยอดดอย ยืนกอดลมหนาว วันนี้เราก็หยิบเอา ดอยแม่ตะมาน เชียงใหม่ อีกหนึ่งสถานที่ที่นักเดินทางเลือกที่จะไปสูดอากาศบริสุทธิ์มาแนะนำกัน


ดอยแม่ตะมาน เชียงใหม่

ดอยแม่ตะมาน เชียงใหม่

ดอยแม่ตะมาน เชียงใหม่

ดอยแม่ตะมาน เชียงใหม่

ดอยตะมาน หรือ ป่าเกี๊ยะ (เกี๊ยะ เป็นคำเมืองแปลว่า ต้นสน) ตั้งอยู่ในเขตท้องที่อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ ขึ้นอยู่กับหน่วยจัดการต้นน้ำแม่ตะมาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยทั่วไปมีอากาศหนาวเย็นเกือบตลอดปี โดยจะหนาวจัดในช่วงฤดูหนาว ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน – กุมภาพันธ์ จากนั้นอากาศจะเริ่มอบอุ่น จากหน่วยงานสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ได้โดยรอบ อีกทั้งยังมองเห็นยอด "ดอยเชียงดาว" อีกด้วย

ดอยแม่ตะมาน เชียงใหม่

ดอยแม่ตะมาน เชียงใหม่

ดอยแม่ตะมาน เชียงใหม่

ดอยแม่ตะมาน เชียงใหม่

ดอยแม่ตะมาน เชียงใหม่

ดอยแม่ตะมาน เชียงใหม่

ที่สำคัญเมื่อ ฤดูหนาวมาเยือน จากที่พักสามารถมองเห็นทะเลหมอกหนายามเช้า กลางคืนจะเห็นดาวเต็มท้องฟ้าและแสงระยิบระยับจากเมืองเชียงดาว นอกจากนั้นยังมีแปลงดอกไม้ แปลงทดลองปลูกกาแฟให้ได้ชมกัน

ทั้งนี้ มีที่พักบริการแก่นักท่องเที่ยวแต่ควรเตรียมอาหารไปเอง ควรติดต่อขอใช้ที่พักล่วงหน้าที่ส่วนอนุรักษ์ต้นน้ำ โทรศัพท์ 0 2579 7587 การเดินทางต้องใช้เส้นทางเชียงใหม่-ฝาง ประมาณ 67 กิโลเมตร เลี้ยวซ้ายเข้าหน่วยงานฯ อีกประมาณ 21 กิโลเมตรสภาพทางช่วงนี้ลำบากมากเป็นทางลูกรังและเป็นหลุมเป็นบ่อต้องใช้รถ ขับเคลื่อน 4 ล้อเท่านั้น


สถานีวิจัยเกษตรที่สูงป่าเกี๊ยะดอยเชียงดาว


ห่างออกไปไม่ไกล จะเป็นที่ตั้งของ สถานีวิจัยเกษตรที่สูงป่าเกี๊ยะดอยเชียงดาว ซึ่งเป็นหน่วยงานของคณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ อยู่ในทำเลที่มองเห็นเทือก "ดอยหลวงเชียงดาว" ได้อย่างชัดเจนและสวยงาม มีนกหลายชนิดที่เห็นอยู่ตลอด เช่น นกเขียวก้านตองสีส้ม นกติ๊ดใหญ่ นกไต่ไม้หน้าผากกำมะหยี่ นกกะรองทองแก้มขาว และอีกหลายชนิด ซึ่งมีเรือนพัก (ปกติเป็นที่พักของนักศึกษาคณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มาฝึกงาน) ไว้บริการด้วย โดยมีห้องน้ำ ห้องครัวพร้อมเครื่องครัว (ประกอบอาหารได้แต่ ต้องนำอาหารขึ้นมาด้วย) แต่เสียค่าบำรุงสถานที่คนละ 50 บาทต่อคืน และอย่าลืมเตรียมถุงดำเพื่อใส่ขยะกลับลงมาด้วย

สำหรับ การไปเยี่ยมชมควรติดต่อขออนุญาตจากคณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เสียก่อน โดยติดต่อสถานีวิจัยเกษตรที่สูงป่าเกี๊ยะดอยเชียงดาว คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ อย่างน้อย 10 วันล่วงหน้า โทรศัพท์ 0 5322 2014, 0 5394 4052

สถานีวิจัยเกษตรที่สูงป่าเกี๊ยะดอยเชียงดาว


การเดินทาง ใช้เส้นทางหมายเลข 107 จากเชียงใหม่ ผ่านแม่ริม แม่มาลัย (ที่ตลาดแม่มาลัยสามารถแวะซื้อเสบียงได้) แม่แตง ถึงบ้านแม่นะมีทางแยกซ้ายมือมีป้ายเขียนว่า "หน่วยจัดการต้นน้ำแม่ตะมาน" ประมาณ 21 กิโลเมตร จะพบทางแยกให้เลี้ยวขวาสภาพทางเป็นลูกรังจะค่อนข้างชัน ผ่านหมู่บ้านปางโฮ่งและปางฮ่าง ทางจะขึ้นชันมาเรื่อย ๆจนกระทั่งถึงด่านที่จะแยกไปหน่วยพิทักษ์ป่าเด่นหญ้า ขับตรงไป ขวามือจะพบทางแยกไปโรงเรียนบ้านสันป่าเกี๊ยะ จากนั้นจะถึงหน่วยจัดการต้นน้ำแม่ตะมาน ตรงไปอีกสัก 500 เมตรทางจะขึ้นสูงก็จะถึงสถานีวิจัยเกษตรที่สูงป่าเกี๊ยะดอยเชียงดาว

ในขากลับไม่ต้องย้อนทางเดิมจากสถานีฯ มีเส้นทางกลับออกสู่ถนนหมายเลข 107 ที่บ้านแก่งปันเตาได้ จากสถานีมาสัก 12 กิโลเมตร จะถึงทางแยกเลี้ยวซ้ายและขวา ด้านขวามือจะเขียนว่าไปบ้านปากเอียก (เส้นทางนี้ห้ามใช้โซ่พันล้อรถในหน้าฝน ฝ่าฝืนปรับ 500 บาท) เส้นทางนี้จะเลี้ยวซ้ายหรือเลี้ยวขวาก็ได้เพราะจะไปออกถนนใหญ่เหมือนกัน แต่ถ้าเลี้ยวขวาจะผ่านเข้าไปในหมู่บ้านปากเอียก ผ่านไร่ชา และผ่านนิคมสงเคราะห์ชาวเขา ทางช่วงนี้จะเป็นทางคอนกรีตตลอด แต่ทางลงค่อนข้างชันจนกระทั่งถึงบ้านแก่งปันเตาและเส้นทางหมายเลข 107




ขอขอบคุณข้อมูลจาก



ขอบคุณ kapook